หลายต่อหลายครั้งที่เราต้องหาจุดเด่นในแง่ของการตลาด เรามักได้ยินประโยคที่ว่า ‘ทำให้แตกต่างสิ’ หรือ ‘ต้องไม่เหมือนใครนะ’ เมื่อได้รับโจทย์ว่าต้องโดดเด่นกว่าใคร คำถามที่ตามมาในใจก็คือ “แล้วต้องทำอย่างไรล่ะ!?” ในเมื่อเรามีอาหาร สินค้า หรือบริการ อยู่ในมือ แต่เราไม่อาจทำให้ไม่เหมือนคนอื่นได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราต้องหา ‘จุดขาย’ ให้กับผลิตภัณฑ์ของเรา ฉะนั้นแล้ว เมื่อไรที่เราเป็นเจ้าแรกที่ทำ นี่แหละคือก้าวแรกของความแตกต่างแล้ว
ต่อจากนี้เราจะมาดูกันว่า กลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้เราแตกต่างจากคนอื่นได้อย่างชัดเจน และประสบความสำเร็จได้ มีอะไรบ้าง
| ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ
แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญเลยก็ว่าได้ เพราะก่อนที่คุณจะเริ่มดำเนินการใดๆ ก็ตาม คุณต้องรู้ให้ได้ก่อนว่า สินค้าคุณก็เป็นแบบเดียวกันกับร้านอื่น แต่ทำไมลูกค้าถึงต้องเลือกซื้อกับร้านคุณเท่านั้น? หรือว่าสินค้าของคุณ แม้มองเพียงผ่านอาจจะเหมือนร้านอื่น แต่ที่จริงแล้วมันเด่นกว่าของใครอย่างไร เมื่อคุณหาคำตอบในประเด็นนี้เจอ ก็เท่ากับว่าคุณเริ่มมาถูกทาง
ตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่น 3 แบรนด์ (A, B, C)
จะเห็นได้ว่า สินค้าแบรนด์ A มีจุดเด่นมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งความสามารถมากกว่า และการใช้งานก็สะดวกสบายกว่า เพราะทั้งดูดฝุ่นและถูพื้นพร้อมฆ่าเชื้อโรคไปในตัวได้อีก ในขณะที่อีก 2 แบรนด์ไม่มี รวมถึงการสั่งงานผ่านรีโมทคอนโทรลหรือแอปพลิเคชั่นก็รองรับพร้อมสรรพ เช่นนี้แล้วก็เป็นไปได้ว่าลูกค้าย่อมต้องสนใจสินค้าแบรนด์ A มากกว่า แล้วเลือกให้แบรนด์ A เป็นอันดับหนึ่งในใจไว แต่ติดตรงที่ว่าแบรนด์ A มีข้อเสียเรื่องระดับเสียงที่ดังกว่าแบรนด์อื่นมาก เรื่องนี้อาจมีผลกับลูกค้าที่ไม่ชอบเสียงดัง ซึ่งสามารถส่งผลให้เขามองข้ามแบรนด์ A ไปเลยแม้ว่าคุณสมบัติสินค้าจะมากกว่าแบรนด์อื่น แต่หากในอนาคตแบรนด์ A สามารถพัฒนาสินค้าจนลดระดับเสียงให้ดังน้อยกว่าหรือเท่ากับแบรนด์อื่นได้ ก็เป็นไปได้ว่าตัวเลือกอื่นๆ จะถูกลูกค้าตัดออกไปจากลิสต์ได้ง่ายขึ้น
หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง ร้าน ก.ไก่ และร้าน ข.ไข่ ขายซุปเหมือนกัน เมื่อได้ลิ้มลองมาระยะหนึ่งแล้วก็พบว่า ซุปของร้าน ก.ไก่ รสชาติอร่อยมาก ขณะที่ซุปของร้าน ข.ไข่ ก็อร่อยเหมือนกัน แต่ยังมีส่วนผสมที่มีประโยชน์ สรรพคุณมากมาย การันตีชัดเจนว่ากินแล้วบำรุงร่างกาย เสริมให้สุขภาพดี เช่นนี้แล้วลูกค้าก็ย่อมต้องให้ความสนใจซุปจากร้าน ข.ไข่ มากกว่า เพราะมีประโยชน์ต่อผู้บริโภคมากกว่านั่นเอง
| กระบวนการผลิตสู่สินค้าคุณภาพ
เชื่อเถอะว่าลูกค้าสามารถพิจารณากระบวนการผลิตว่า ‘มีคุณภาพมากพอหรือไม่?’ ได้จากสินค้าของเราเลย ยิ่งลูกค้าได้เห็นชิ้นงานที่พิถีพิถัน ก็จะยิ่งรู้สึกว่าคุ้มค่าแก่การซื้อ เป็นต้นว่าสินค้าแฮนด์เมด ลูกค้าก็จะสัมผัสได้ว่าสินค้าชิ้นนี้ผ่านความใส่ใจจากผู้ผลิตมาอย่างดี ดูใช้งานได้นานและทนทานกว่า หรือบางอย่างที่มีเรื่องราว มีที่มาที่ไป จนนำไปสู่การผลิตออกมาเป็นชิ้นงานที่มีคุณภาพ ก็ยิ่งมีผลทางใจ ส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าได้
ตัวอย่างเช่น ร้านขนมไทยร้านหนึ่ง เมนูขึ้นชื่อคือ ฝอยทอง ที่ทางร้านทำสดใหม่ทุกวัน เป็นสูตรโบราณที่สืบต่อกันมานานในครอบครัว และในส่วนที่สะดุดตาลูกค้าก็คือทางร้านขนมทำให้ดูสดๆ ภายในร้านเลย ลูกค้าจะได้เห็นกรรมวิธีที่ทำออกมาทุกขั้นตอนอย่างละเอียด เมื่อทำออกมาแล้วรสชาติอร่อย แม้จะมีจำนวนจำกัด แต่ก็ขายดิบขายดีจนหมดเกลี้ยงร้านได้ทุกวัน
จากตัวอย่างนี้ เป็นที่เข้าใจกันดีอยู่แล้วว่า ขึ้นชื่อเรื่องขนมไทย การรับประทานแบบวันต่อวันย่อมอร่อยที่สุด ที่พิเศษกว่าก็เพราะทุกวันนี้จะหาร้านที่ทำสดใหม่นั้นยากนัก อีกทั้งวัตถุดิบ ขั้นตอนการทำ รสชาติและหน้าตาที่ออกมาสวยงาม วัตถุกันเสียก็ไม่มีเพราะทางร้านไม่จำเป็นต้องใช้ ล้วนแต่ต้องตาต้องใจลูกค้าได้ง่ายอยู่แล้ว เช่นนี้แล้วลูกค้าย่อมยอมจับจ่ายมากกว่า แม้ว่าราคาจะสูงสักหน่อยก็ตาม
ในแง่ของการบริการก็ทำให้แตกต่างในประเด็นนี้ได้เช่นกัน เช่น ร้านนวดแผนไทย ทางร้านมีการตกแต่งร้านที่สบายตา เป็นส่วนตัว สะอาด มีบริการที่ดีระดับมืออาชีพ รวมถึงผลิตภัณฑ์ น้ำหอมน้ำปรุงต่างๆ ที่มีคุณภาพดี เตรียมไว้สำหรับรับรองผู้มาใช้บริการ เมื่อมีการเตรียมการอย่างดี หลังจากลูกค้าเข้ามาใช้บริการแล้วก็จะมีแต่ความประทับใจกลับไป เพราะสัมผัสได้ถึงความใส่ใจที่ทางร้านมอบให้มา
| ภาพลักษณ์ที่ดี
แม้ว่าจะมีตัวอย่างให้เห็นมากมายที่ไม่แคร์ภาพลักษณ์แต่ก็ขายดี แต่ก็ไม่อยากให้มองข้ามเรื่องนี้ไป เพราะทุกวันนี้ภาพลักษณ์เริ่มมีบทบาทสำคัญขึ้นเรื่อยๆ ลูกค้าจะเริ่มสนใจถึงที่มาที่ไปของผู้ผลิตสินค้ามากขึ้น ยิ่งในยุคสมัยนี้รีวิวต่างๆ มากมายเต็มโซเชียลไปหมด ลูกค้าจะหาข้อมูลและผลการใช้งานจริงของลูกค้าคนอื่นๆ ได้ง่ายมาก ดังนั้นผู้ผลิตจึงต้องรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์เอาไว้ให้ดี ให้ลูกค้าได้รับทราบถึงความตั้งใจดีที่ร้านของเราต้องการนำเสนอ ทั้งนี้ควรหมั่นสื่อสารกับลูกค้าบ่อยๆ เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ของเรา(เมื่อเทียบกับร้านอื่น)ที่ลูกค้ายังไม่รู้ ให้ลูกค้าเห็นว่าสินค้าของเรามีเอกลักษณ์เฉพาะอย่างไร น่าซื้อหาอย่างไรบ้าง ผสมไปกับการตลาด การจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อเป็นการเรียกลูกค้าอีกทางหนึ่งด้วย
เพราะความแตกต่างจะสร้างความสำเร็จให้คุณสามารถจับต้องได้อย่างแท้จริง เมื่อไรที่คุณไม่เหมือนใคร และใครก็ทำไม่ได้เหมือนอย่างคุณ ผลิตภัณฑ์ของคุณก็จะเป็นเพียงส่วนน้อยที่ไม่ดาษดื่นทั่วไป ขอแค่ผลิตภัณฑ์ของคุณมีประโยชน์อย่างที่ลูกค้าหาไม่ได้ง่ายๆ จากที่ไหน แสดงให้เห็นถึงคุณภาพผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถันและพิสูจน์ได้ชัดเต็มสองตาว่าคุณภาพดีจริง และแบรนด์ของคุณมีภาพลักษณ์ที่ดี น่าเชื่อถือ น่าอุดหนุน เพียงเท่านี้ธุรกิจของคุณก็ย่อมเดินหน้าต่อไปได้เป็นอย่างดี ดังนั้น วิธีสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เมื่อเทียบกับผลสำเร็จทางธุรกิจที่ได้รับแล้ว ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องยากเลย
ที่มา : ข้อมูลจาก smartsme, greedisgoods
Pingback: EP40. เลือกธุรกิจจากทฤษฎีความต่าง “Red & Blue Ocean” (4 นาที) – :: True Smart Merchant Academy ::