“จำเป็นต้องมีเบอร์โทรแยกจากเบอร์ส่วนตัวอีกไหมนะ?”
เดาว่าทุกคนที่อ่านบทความนี้คงมีเบอร์โทรศัพท์ประจำตัวอยู่แล้ว และอาจสงสัยว่าทำไมเราถึงกล่าวว่าควรมีอีกเบอร์โทรศัพท์ต่างหากเพื่อใช้ในการประกอบการทางธุรกิจ
แม้จะมีช่องทางแชตหรือส่งข้อความหลายสิบช่องทาง แต่ทางที่ผู้คนมักใช้กันมากที่สุดย่อมหนีไม่พ้น การพูดคุย หรือ การติดต่อทางโทรศัพท์ นั่นเอง
หากสังเกตเห็น ก็จะพบสองกรณีด้วยกัน สำหรับคนที่ไม่อยากพูดคุย กรณีแรกคือจะแชตก่อนเสมอ สะดวกดีก็จริง แต่พออีกฝ่ายไม่ตอบกลับ การโทรศัพท์จึงเป็นตัวเลือกถัดมา ในทางตรงกันข้ามการโทรศัพท์กลับเป็นตัวเลือกที่มีคนต้องการเลือกใช้ก่อนเสมอ เนื่องด้วยเชื่อถือในการพูดคุยกันมากกว่าการพิมพ์ข้อความ คุณอาจจะกำลังคิดว่าใช้เบอร์ส่วนตัวเป็นเบอร์ร้านค้าด้วยก็ได้นี่… แล้วเหตุใดเราถึงแนะนำให้คุณมีเบอร์โทรศัพท์แยกสำหรับร้านค้า? มีเหตุผลดังนี้
| ช่วยแยกแยะการสนทนาส่วนตัวกับธุรกิจออกจากกัน
ถูกต้อง! ที่เดี๋ยวนี้สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็สามารถทำได้ทุกอย่างแล้ว แต่หากธุรกิจหรือร้านคุณใช้ทุกๆ อย่างผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว นอกจากไว้รับสายหรือแชตกับลูกค้าแล้ว ยังเป็นเครื่องที่ไว้ใช้งานทาง Social Media ต่างๆ หรือชอปปิงออนไลน์ส่วนตัวอีก แม้จะดูง่ายและประหยัด แต่ความเสี่ยงต่อการสับสนในเรื่องของเบอร์โทรศัพท์ที่มจากคนมากหน้าหลายตา เช่น เบอร์ญาติมิตร เพื่อน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ ฯลฯ แห่กันโทรเข้ามาพร้อมกันในขณะที่คุณมีอยู่เครื่องเดียว ต้องตอบแชตลูกค้าแต่ครอบครัวก็ส่งข้อความมาด้วย เยอะแยะมากมายชวนสับสนไปหมด แรกๆ อาจจะไม่เท่าไรแต่เมื่อถึงวันหนึ่งที่ทุกอย่างถาโถมมาพร้อมกัน อาจทำให้คุณปวดหัวเอาได้นะ การเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ก็ถือเป็นต้นทุนราคาแพงไม่น้อยเลย
| ช่วยให้สามารถติดต่อหาลูกค้าหรือคู่ค้าได้ง่ายขึ้น
แน่นอนอยู่แล้วว่า เราไม่อาจรับสายโทรศัพท์ได้ทันทุกสาย แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่าคนที่โทรเข้ามาคือลูกค้าหรือคนที่เราติดต่องานด้วย คุณเองก็จะได้ไม่ต้องลังเลที่จะโทรกลับไป อย่างน้อยลูกค้าก็รู้สึกดีที่ทางร้านติดต่อกลับมา เนื่องจากว่าลูกค้าอาจมีข้อสงสัยบางอย่าง หรือต้องการสอบถามเส้นทาง โดยเฉพาะอีกฝ่ายหนึ่งต้องการข้อมูลที่อยากรู้แบบเร่งด่วน เพราะไม่สามารถพูดคุยทางแชตได้ ยิ่งท่านที่มีธุรกิจแบบหน้าร้านโดยจ้างพนักงานแทนการเฝ้าร้านเอง การมีเบอร์ที่สามารถให้ลูกค้าติดต่อได้ตลอดเวลาทำการก็จะยิ่งสะดวกสบายสำหรับเขามากขึ้น พนักงานจะได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และคุณที่ไม่อยู่ที่ร้านเพราะติดธุระอยู่ ก็จะได้ไม่ต้องกังวลเมื่อมีสายโทรศัพท์เข้ามา
| ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในข้อมูลที่ได้รับมากขึ้น
ลูกค้าบางส่วนอาจมีข้อข้องใจน้อยใหญ่แตกต่างกัน สิ่งที่เราโฆษณาไปอาจยังไม่ชัดเจนพอให้ลูกค้าได้รับทราบ เช่น ลูกค้าบางท่านสงสัยว่าวันนี้ยังมีเมนูที่ต้องการไหม บางคนกังวลว่าจะเสียเที่ยว ไปถึงแล้วร้านปิด การโทรหาที่ร้านคอนเฟิร์มเพื่อความมั่นใจก่อนจึงเป็นอะไรที่ลูกค้ายังต้องการอยู่มาก
ข้อควรระวัง เกี่ยวกับการใช้ช่องทาง Calls จากแอปพลิเคชั่นสำหรับแชต
- การใช้ LINE Calls หรือการโทรออกผ่านแอปฯ Messenger มิใช่ทางเลือกที่ควรใช้เสมอไป และไม่ควรคาดหวังให้ลูกค้าใช้ช่องทางนั้นแทนโทรศัพท์ เข้าใจว่ามันสะดวกและฟรี อาจช่วยให้ค่าใช้โทรศัพท์รายเดือนลดลงได้บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับห้ามใช้ เพียงแค่ว่าช่องทางการใช้ตัวเลือกโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตแบบนี้ ประหนึ่งเป็นการบังคับกลายๆ ให้ลูกค้าต้องเป็นเพื่อนกับคุณบน LINE หรือ facebook ซึ่งลูกค้าบางคนก็มิพึงประสงค์ บางคนจำกัดจะใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งการโทรต่อครั้งก็ใช้ปริมาณข้อมูลเยอะอยู่ มองในทางกลับกัน การโทรศัพท์ผ่านเบอร์โทรนั้นก็ทำให้สามารถติดต่อได้ทันที โดยไม่ต้องมีอะไรยุ่งยาก ไม่ต้องกังวลว่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตจะหายไหม และการเอื้อให้ลูกค้าติดต่อทางร้านง่ายเข้าไว้ก็เป็นสิ่งเล็กๆ ที่ซื้อใจลูกค้าได้ในระยะยาวเลยทีเดียว

ผู้ให้บริการโทรศัพท์ทุกแบรนด์มักจะมีแพ็กเก็จเฉพาะสำหรับเจ้าของกิจการ อย่างเช่นของ TrueMove H ที่มีแผนตั้งแต่ระดับไม่กี่ร้อยบาทต่อเดือน เป็นต้น
ดูแล้วอาจจะเหมือนเพิ่มปัญหาในเรื่องของการมีเบอร์โทรศัพท์เพิ่มเติม หรืออาจต้องมีสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นอีกเครื่องเพื่อไว้ใช้ต่างหาก แต่การมีเบอร์ของทางร้านโดยเฉพาะ จะช่วยเปิดช่องทางการติดต่อให้กับลูกค้าโดยไม่ต้องมาถึงหน้าร้านเพียงทางเดียวเสมอไป ยิ่งยุคสมัยนี้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว หากลูกค้าได้รับการบริการที่ทันท่วงที ก็จะทำให้ลูกค้าพอใจมากยิ่งขึ้น ต่อให้คุณจะเป็นผู้ประกอบการแบบไม่มีหน้าร้านก็ตาม ยิ่งต้นทุนซิมการ์ดและโทรศัพท์ที่ไม่ได้มีราคาแพงมาก (บางรุ่นก็ใส่ได้สองซิม ปิดเบอร์รองได้เมื่อไม่ต้องการ) น่าลองพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูสักหน่อยแล้ว
Pingback: Editor’s Talk : ยกเลิกเคอร์ฟิว – :: True Smart Merchant Academy ::