รู้หรือไม่? ร้านของคุณก็เปิดจัดส่ง DELIVERY ด้วยตัวเองได้


อย่างที่เราคุ้นหูกันดีเกี่ยวกับคำว่า “เดลิเวอรี่ (Delivery)” ที่เป็นบริการส่งสินค้าจากร้านค้า และต้องยอมรับว่าในยุคสมัยนี้เป็นยุคที่ถ้าร้านไหนไม่มีบริการส่ง เห็นทียอดขายคงยากที่จะกระเตื้อง เพราะผู้คนเริ่มพอใจกับการสั่งอาหารจากที่ไหนก็ได้ แล้วให้มาส่งที่บ้านหรือที่ทำงานของตัวเองได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องตากแดดตากลม ออกไปฝ่าฟันบนท้องถนนให้ต้องทนรถติดจนหงุดหงิดใจ แล้วทุกวันนี้ก็มีบริษัทที่ให้บริการจัดส่งอาหารผ่านทางแอปพลิเคชั่นมากมาย แต่จากปัญหาที่ไม่สามารถควบคุมพนักงานส่งได้ทุกคน ทำให้ลูกค้าต้องได้รับความเสี่ยงในเรื่องของมาตรฐานที่ไม่แน่นอน ซึ่งนี่คือข้อได้เปรียบของร้านอาหารของคุณหากมีบริการส่งเป็นของตัวเอง

 

สำหรับบางร้านที่กำลังคิดว่า “ร้านเราต้องมีบริการส่ง Delivery บ้างแล้วล่ะ แต่อยากมีของร้านตัวเองมากกว่า” โดยความคิดนี้อาจมาจากสาเหตุหลายประการ เช่น ไม่อยากร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์เพราะมีเงื่อนไขบางอย่างที่เราไม่ค่อยชอบใจ, พื้นที่ของทางร้านอยู่ไกลเกินกว่าจะเข้าร่วม, อยากมีบริการส่งเป็นของร้านตัวเองเท่านั้น ฯลฯ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดใดก็ตามที่คุณต้องการ แต่เมื่อคุณมีเป้าหมายอยากสร้างเครือข่ายบริการส่งของร้านตัวเอง วันนี้เรามีประเด็นสำคัญที่คุณต้องใส่ใจ เพื่อให้ Food Delivery ของร้านตัวเองได้รับผลตอบรับที่ดีมานำเสนอให้รับทราบกัน…

 

 

| สร้างระบบที่ดีเพื่อการบริหารที่ดี

เมื่อร้านเปิดขายอาหารผ่านช่องทางออนไลน์ ก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า คุณต้องสื่อสารกับลูกค้าตลอดเวลา การสร้างระบบที่ดีขึ้นมาเพื่อเตรียมรับออเดอร์จึงเป็นเรื่องจำเป็น คุณต้องเตรียมช่องทางการรับออเดอร์ไว้ให้พร้อม เช่น Line, Messenger หรือโทรสั่งโดยตรงกับทางร้าน ลูกค้าจะได้รู้ว่าสามารถสั่งอาหารผ่านช่องทางไหนได้บ้าง แต่คุณก็ต้องเตรียมเจ้าหน้าที่ที่พร้อมตอบรับออเดอร์จากลูกค้าแบบทันท่วงทีเอาไว้ด้วย

ในส่วนของบริการส่ง คุณต้องหาข้อมูลของสิ่งต่างๆ ที่ต้องใช้ไว้ให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรถที่ใช้ขนส่งอาหาร (อาจลงทุนและจ้างเอง หรือรับจ้างจาก outsource อีกทอดหนึ่งก็ได้) ค่าน้ำมันต่อระยะทาง ขอบเขตของบริการส่ง ค่ากล่องเก็บอาหาร ค่าบริการต่อครั้งที่ลูกค้าต้องชำระ* โดยสามารถคำนวณจากระยะทางผ่านแอปพลิเคชั่นที่รองรับ เมื่อจัดการทุกอย่างอย่างเป็นขั้นตอน จัดสร้างเป็นโครงข่ายที่สามารถมองเห็นภาพได้ เมื่อระบบที่ดีถูกจัดวางไว้อย่างดี การดำเนินการก็จะไหลลื่น ส่งผลดีต่อทั้งร้านและลูกค้า

*ทั้งนี้ คุณสามารถกำหนดขั้นต่ำในการจัดส่งได้ เพื่อให้คุ้มค่ากับการส่งต่อครั้ง โดยต้องกำหนดเป็นมาตรฐานและสมเหตุผล เพื่อให้ทั้งทางร้านและลูกค้าไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากเกินไป และพอใจทั้งสองฝ่าย

 

| จัดการออเดอร์และการขนส่งให้เสถียร

ในตอนแรกคุณอาจจะเป็นคนรับออเดอร์เอง ข้อดีคุณจะได้รู้ว่าลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาพูดคุยอย่างไร ต้องการอะไร สอบถามเพิ่มเติมเรื่องไหน เมื่อผ่านไปได้ระยะหนึ่งแล้ว คุณก็จะรู้ว่าเมนูขายดีคืออะไร การเตรียมปริมาณอาหารนั้นไว้ให้พร้อมคือเรื่องที่คุณต้องบริหารให้ดี และกระจายออเดอร์ให้กับพนักงานส่งตามเส้นทางที่กำหนดไว้

แต่การจะไปๆ มาๆ หลายรอบอาจทำให้ต้องใช้ต้นทุนมาก สำหรับร้านอาหารที่ต้องขนส่งทางไกล สามารถแบ่งเวลาจัดส่งเป็นรอบๆ (ควรแจ้งลูกค้าให้ทราบในเบื้องต้น) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งอาหารสามารถไปในเส้นทางเดียวกันโดยมีหลายออเดอร์ได้ เช่นนี้แล้วคุณก็จะสามารถคำนวณเวลาการส่งและสามารถจัดระบบให้เข้าที่เข้าทาง จนอาจส่งผลให้บริการส่งของคุณมีประสิทธิภาพขึ้น และอาจเร็วขึ้น ทันใจลูกค้ามากขึ้นได้ด้วย

 

 

| ส่งเสริมการขายอย่างสม่ำเสมอ

ทุกวันนี้มีช่องทางทำการตลาดมากมายจนเลือกไม่ถูก แต่ร้านคุณต้องเลือกให้ถูก คุณต้องหาสื่อประชาสัมพันธ์ที่ทำให้คุณสามารถโปรโมทร้านและเมนูของคุณได้อย่างเหมาะสม ให้มีผลตอบรับที่ดี จากนั้นก็จัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมตามต้องการ แต่ต้องไม่เข้าเนื้อตัวเองมากจนเกินไป เพราะการส่งเสริมการขายนี้เราทำเพื่อเรียกลูกค้า ให้ลูกค้าสนใจสั่งซื้ออาหารและใช้บริการส่งของทางร้าน สร้างยอดขายให้กับบริการเดลิเวอรี่ที่คุณลงทุนไป ให้ผลที่ได้ถึงเป้าหมายที่คุณตั้งเอาไว้

ปัจจุบันนี้สื่อออนไลน์คือเครื่องมือการตลาดที่ดีที่สุดที่คุณมี เช่น Facebook, Instagram หรือรวมถึงเพจรีวิวร้านอาหารต่างๆ ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่แห่งไหนก็สามารถรู้จักคุณโดยไม่ต้องเดินผ่านหน้าร้านมาก่อนได้ และเมื่อใช้สื่อออนไลน์ในการประชาสัมพันธ์ รูปภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าเห็นแล้วรู้สึกว่าอาหารร้านของคุณน่ารับประทาน ราคาก็ชัดเจนไม่ตุกติกและลูกค้ารับได้ มาพร้อมกับโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าสั่งผ่านทางเดลิเวอรี่อีก เพียงเท่านี้ก็จะสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้อย่างง่ายดายแล้ว รอรับคำสั่งซื้อและยอดขายได้เลย

 

| รักษาคุณภาพอาหารและบริการ

เมื่อธุรกิจอาหารและบริการเดลิเวอรี่ดำเนินไปได้ดีในระยะหนึ่งแล้ว มาตรฐานของอาหารและบริการก็ยังคงต้องรักษาไว้ให้อยู่ในระดับที่ดี อย่าให้ออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นไปลดทอนคุณภาพอาหารที่คุณเคยสร้างไว้ ขณะเดียวกันบริการส่งของคุณก็อย่าเปลี่ยนไปตามกาลเวลา จากที่พนักงานส่งให้บริการดี สุภาพ ใช้เวลาในการส่งไม่มาก แต่นานวันเข้ากลับกลายเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม หากเป็นเช่นนี้เห็นทีจะไปต่อไม่ไหวแน่

หรือต่อให้รสชาติอร่อย แต่บริการส่งสานต่อได้ไม่ดี ก็อาจทำให้ลูกค้าไม่สั่งอาหารอีกเลยได้เหมือนกัน ดังนั้น อย่าคิดว่าลูกค้าเยอะแล้วยังไงก็ขายได้ หากคุณทำลายมาตรฐานของตัวเอง ลูกค้าก็จะทำลายยอดขายของคุณเช่นกัน

 

| ตอบโจทย์ลูกค้าด้วยมาตรฐานที่เป็นเลิศ

ตอนนี้เรารู้แล้วว่าพฤติกรรมการบริโภคอาหารของผู้คนเริ่มเปลี่ยนไปในลักษณะที่รีบเร่งมากขึ้น อีกทั้งต้องการความสะดวกสบาย และเมื่อสั่งอาหารก็อยากได้บริการส่งที่รวดเร็ว หากร้านของคุณสามารถรักษาระดับความเร็วเอาไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ เพราะว่าร้านของคุณมีระบบจัดการที่ดี มีบริการจัดส่งที่เป็นมาตรฐานและเชื่อถือได้ เรื่องที่ในวันข้างหน้าลูกค้าจะสั่งอาหารซ้ำนั้นย่อมเป็นไปได้

ยิ่งถ้าหากร้านใดมีลูกค้ามากอยู่แล้วแต่กว่าลูกค้าจะได้กินก็นานเหลือเกิน การแบ่งสัดส่วนลูกค้าหน้าร้านไปทางบริการส่งบ้างจะช่วยลดปัญหาในข้อนี้ได้มาก เมื่อลูกค้าหน้าร้านลดลง การบริหารจัดการภายในร้านก็คล่องตัวมากขึ้น ในขณะที่ลูกค้าของคุณก็ยังไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่ว่าเขาเปลี่ยนไปสั่งแบบเดลิเวอรี่แล้วเท่านั้นเอง

 

 

ทั้งหมดนี้คือเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องคำนึงถึงตลอดเวลา หลังจากเปิดบริการจัดส่งด้วยตัวเองแล้ว คุณก็จะรู้ว่าปัญหาส่วนใหญ่ของลูกค้าคืออะไร แล้วคุณก็สามารถแก้ไขได้ถูกจุด อีกทั้งลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องมีหรือเพิ่มเติมสิ่งที่ขาดได้ด้วย เป็นการบริหารการลงทุนไปด้วยในตัว หากการลงทุนในเรื่องบริการส่งกลายเป็นค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับกำไรที่ได้มาจากการเพิ่มบริการนี้ นั่นคือคุณมาถูกทางและยังสามารถขยายลู่ทางต่อไปได้ในระยะยาวแล้ว และเมื่อร้านของคุณสร้างมาตรฐานให้ลูกค้าไว้ใจได้ทุกขั้นตอน เช่นนี้แล้วลูกค้าประจำจะเลิกสั่งอาหารจากร้านคุณไปได้อย่างไร

 

ที่มา : ข้อมูลจาก taokaemai, amarinacademy

3 Comments

Leave a Reply